ใช้ชีวิตให้สนุก สร้างความสุขให้ตัวเอง!

คนที่จะมีความสุขที่สุด คือ คนที่ไม่ปิดกั้นโอกาสที่จะมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีกแก่ตัวเอง เรามี 10 เคล็ดลับมีสุขมาฝากทุกๆ คน จะทำอย่างไรให้โลกใบเล็กของคุณสดชื่นสดใสในทุกวันที่ตื่นลืมตา

1. หมั่นออกกำลังกายกันนะ

รู้หรือไม่? เมื่อคุณออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า เอ็นโดนฟิน สารเคมีดังกล่าว หลั่งออกมาในสมอง เพื่อช่วยป้องกันภาวะตึงเครียดจากการออกกำลังกาย  นอกจากช่วยป้องกันความเครียดแล้ว ยังช่วยซ่อมแซมเซลล์สมองทีเกี่ยวกับความทรงจำ เหมือนกันการกดปุ่มรีเซต ทำให้เรารู้สึกสมองโล่ง และคิดอะไรออกง่ายขึ้น ส่วนเอ็นดอร์ฟินก็จะไปลดความรู้สึกไม่สะดวกสบายขณะออกกำลังกายและขัดขวางความรู้สึกเจ็บปวด ทำให้คุณรู้สึกดีมากขึ้น

2. การนอนหลับพักกายใจ

รู้หรือไม่? เพียงแค่คุณนั้นคิดลบ หรือมีอารมณ์ขุ่นมัวอยู่ตลอดเวลานั้น ย่อมส่งผลต่อระบบประสาท และสมองของคุณ จากการศึกษาและค้นคว้าวิจัย แสดงให้เห็นว่า คนที่มีการนอนหลับไม่สนิท หรือไม่เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการนั้น เสมือนกับว่าคุณไม่ได้มีการพักผ่อนสมองเลย ความทรงจำต่างๆ ที่ไม่ดี ความขุ่นข้องหมองใจในเรื่องต่างๆ ก็จะถูกนำกลับมาคิดอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้สมองปิดกั้นความคิดบวก อารมณ์ และจิตใจที่แจ่มใส สดชื่น ในระหว่างวันอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นการนอนหลับที่เพียงพอ เท่ากับ การพักสมองเพื่อพร้อมสู่การเริ่มวันใหม่ อย่างกระตือรือร้นในทุกๆ วัน

3. อย่าหันหลังให้สังคม

มนุษย์เรานั้นถูกสร้างให้เป็นสัตว์สังคม เพราะมนุษย์มีการอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นหมวดหมู่ มิได้ใช้ชีวิตอยู่เพียงคนเดียวตามลำพังแต่อย่างใด เนื่องจากมนุษย์ต้องทำกิจกรรมร่วมกันอยู่ตลอดเวลา ต้องพึงพาอาศัยซึ่งกันและกัน และแต่ละชีวิตต่างก็ต้องการที่จะเสริมสร้างความสุข ความมั่นใจ และความปลอดภัยให้กับตนเองอยู่เสมอ สังคมจึงเป็นแหล่งรวมศูนย์ทางความคิดที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมา เพื่อแสวงหาคำตอบทุกๆอย่างให้กับตนเอง

4. เผยผิวรับแสงแดดอ่อนๆ

เมื่อผิวกายของเรานั้นได้รับแสงแดดอ่อนๆ จะหลั่งสารที่มีชื่อว่า สารเซโรโทนิน สารตัวนี้จะช่วยให้อารมณ์ดี รู้สึกผ่อนคลาย สงบ มีความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์มั่นคง ไม่แปรปรวน ตอบสนองต่อความเครียดได้ดี แต่อย่าตากแดดนานกันนะ เพียงวันละ 20 นาที ถ้าจะให้ดีต้องเป็นแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าจะดีต่อผิวกายที่สุด

5. มุ่งหน้าสู่ธรรมชาติ

ออกเดินทางหาพื้นที่สีเขียวกันเถอะ อย่ารอช้าที่จะก้าวออกจากบ้านมาสู่ความเขียวขจี ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปตามอุทยานแห่งชาติต่างๆ หรือแม้แค่เดินเล่นในสวนย่อม สวนสาธารณะที่อยู๋ใกล้ที่พักอาศัยของคุณ เรื่องเล็กน้อยนี้อาจส่งผลต่อความคิด และความรู้สึก ได้เป็นอย่างดี เพราะการอยู๋ในพื้นที่สีเขียวนั่นสร้างพลังให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าได้ดีทีเดียว

6. โอบอ้อมอารี ช่วยเหลือผู้อื่น

เคยได้ยินหรือไม่? คำกล่าวที่ว่า…การเป็นผู้ให้มีสุขมากกว่าการเป็นผู้รับ? จากคำกล่าวนี้ย่อมส่งผลถึงจิตใจที่ดี ที่พร้อมหยิบยื่นสิ่งดีดีให้แก่ผู้อื่นด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ อย่างไม่คิดหวังว่าจะได้รับสิ่งใดตอบแทนคืนกลับมา มีเหตุผลมากมายที่สนับสนุนคำกล่าวนี้ แบ่งปันสิ่งดี ส่งต่อน้ำใจแก่ผู้อื่น ความสุขจะคืนกลับมาเหลือคณานับ

7. ใช้จ่ายอย่างรู้ค่า

ไม่เป็นเรื่องแปลกเลยที่คุณจะใช้เงินไปกับกิจกรรมที่ให้ความบันเทิงในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การรับประทานอาหารกับครอบครัว พบปะกลุ่มเพื่อน หรือชวนกันไปดูหนัง เพื่อเติมเต็มช่วงเวลาในแต่ละวันอย่างมีความสุข ก่อนหยิบเงินครั้งต่อไป คิดใหม่ทำใหม่ เปลี่ยนจากการเลือกซื้อรองเท้าคู่ใหม่ ไปเป็นการนัดเพื่อนๆ เพื่อมาสังสรรค์กันจะดีกว่า

8. ส่งยิ้มกันดีกว่า

การหวนนึกถึงความทรงจำที่แสนหวาน การนึกถึงความสุข ความสนุกที่เคยได้รับมา นั้นย่องส่งผลทั้งต่อจิตใจ และสมอง ทั้งยังช่วยเพิ่มอารมณ์ที่ดี และพลังแห่งการคิดบวกอีกด้วย แม้ในบางวันที่คุณไม่ต้องการเผยจะยิ้มเอาเสียเลย แต่เชื่อเถอะว่า เพียงยิ้มสักนิด ชีวิตจะเปลี่ยนเลยทีเดียว

9. นั่งสมาธิได้อะไรมากกว่าที่คิด

หากเราได้ฝึกสมาธิอยู่เป็นประจำแล้ว ประโยชน์ที่เราจะได้รับนั้นมีมากมาย เช่น ส่งผลให้จิตใจผู้ทำสมาธิผ่องใส สะอาด บริสุทธิ์ สงบ จึงช่วยให้หลับสบายคลายกังวล ไม่ฝันร้าย ผู้ฝึกสมาธิบ่อยๆ จะมีความจำดีขึ้น มีการพินิจพิจารณาในเรื่องต่างๆ รอบคอบมากขึ้น ช่วยคลายเครียด และลดความเครียดที่จะเข้ามากระทบจิตใจได้ เมื่อเราไม่เครียด ร่างกายก็จะหลั่งสารทำให้เกิดความสุข ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะมีภูมิต้านทานเชื้อโรค และยังช่วยชะลอความแก่ได้ด้วย

10. พูดขอบคุณอยู่เสมอ

ก่อนที่คุณจะล้มตัวลงนอน สละเวลาสักนิดในการสรุปเรื่องราวในแต่ละวันสักหน่อย คิดทบทวนดุว่า วันนี้เราพบเจอสิ่งใดมาบ้าง มีคนใด เหตุการณ์ใด ที่เรารู้สึกอยากกล่าวขอบคุณซ้ำๆ เขียนสิ่งที่นึกได้ลงในสมุดบันทึก อย่างน้อยสัก 3 เรื่องราว เพื่อเตือนตนไว้ว่า เราช่างโชคดีเหลือเกินที่มีโอกาสได้พบเจอเรื่องราวต่างๆ และหากมีโอกาส ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีดีเหล่านี้ จงอย่าช้าที่จะบอกเล่า หรือแบ่งปันประสบการณ์เหล่านี้ให้แก่ผู้อื่น