ออริเฟลมก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในโอกาศพิเศษแห่งการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่นี้ เราสนใจอยากรู้เรื่องราวของบุคคลอันน่าทึ่ง คู่พี่น้องผู้ก่อตั้งออริเฟลมเมื่อ 50 ปีก่อน วันนี้ ไมค์ ฮิบส์ รับหน้าที่สัมภาษณ์พิเศษ โรเบิร์ตและโจนัส อาฟ จอร์คนิค ผู้ก่อตั้งออริเฟลม
50 ปีที่แล้ว ตอนที่โรเบิร์ตและโจนัสลาออกจากบริษัทที่รุ่งเรืองมั่นคง มีแต่คนหาว่าเขาบ้าแต่พวกเราทั้งคู่มีความคิดที่ดี และมีความฝันอันยิ่งใหญ่ ความเชื่อมั่นในตนเองอย่างแรงกล้าและความคิดบวกที่แน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยน ได้สร้างออริเฟลมให้เป็นบริษัทความงามอันดับต้นๆ แห่งหนึ่งของโลก เมื่อถามว่าทั้งคู่มีนิสัยมุ่งมั่นที่จะชนะได้อย่างไร คำตอบนั้นก็ชัดเจนว่าพี่น้องคู่นี้ต่างก็มีนิสัยนี้มาจากกันและกัน
ทั้งคู่ชอบทำอะไรแข่งกันตั้งแต่เด็ก เช่น การเล่นกีฬา หรือจัดประกวดแข่งขันกันที่บ้าน หรือ ที่พี่สาวของทั้งคู่เล่าว่าน้องชายเคยชวนวิ่งแข่งกันไปโรงเรียนคู่นี้ไม่เคยหยุดแข่งกันเลย และความชอบในการแข่งขันก็กลายมาเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของออริเฟลมตลอด 50 ปีที่ผ่านมา
โรเบิร์ตกล่าว “เป็นนิสัยของเราที่จะสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่เราเชื่อมั่น มันฝั่งอยู่ในดีเอนเอของเราเลยทีเดียว และด้วยวัฒนธรรมและประเภทของธุรกิจที่เราทำนั้น ก็มีแรงกระตุ้นมหาศาลด้วย”
จิตใจของนักสู้ยิ่งแสดงออกชัดเจน เมื่อพวกเขาต้องแก้ปัญหาสารพัดที่มีตลอดช่วงปีที่ผ่านมาราวกับว่าเขาไม่เห็นว่ามันเป็นปัญหา แต่คือโอกาสในการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีกว่า
“ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด ต้องมีหนทางที่ดีอยู่ข้างหน้าเสมอ การเป็นเจ้าของกิจการ ถึงหลังชนฝา แต่ก็ต้องหาทางออกจนได้” โจนัสกล่าว
นิสัยนักสู้ที่ต้องเอาชนะให้ให้ได้นี้ยังถ่ายทอดไปสู่คนอื่นๆ ด้วย เพราะทุกคนที่เข้าร่วมงานกับเราต่างก็มีพลังและค่านิยมแบบเดียวกัน ที่ไม่ยอมพ่ายแพ้หรือล้มเลิกไปก่อน โรเบิร์ตกับโจนัสจะใส่ใจมากเป็นพิเศษในการคัดเลือก Country Mamager เพราะรู้ดีว่าการเลือกคนที่มีค่านิยมแบบเดียวกัน สำคัญอย่างยิ่งในการสืบทอดวัฒนธรรมแบบออริเฟลมให้มั่นคง
เช่นเดียวกับตำแหน่งที่ปรึกษาธุรกิจ ในเวลาไม่นาน ออริเฟลมกลายเป็นเหล็กดึงดูดผู้ที่ต้องการพัฒนาชีวิตของตนเอง และคนรอบข้างให้ดีขึ้น และยังเป็นเช่นนั้นอยู่เสมอ และผู้คนเหล่านี้ก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ สัญลักษณ์ของความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับคนที่เข้ามาร่วมธุรกิจกับเรา
โจนัสหันกลับไปมองวันวานด้วยความอบอุ่น และพอใจอย่างยิ่ง
“เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเหลือเกินที่ได้พบคนเหล่านี้ หลายคนบอกว่าไม่มั่นใจเลย เข้าไปคุยกับคนอื่นไม่เป็น เราเลยบอกไปว่า” คุณเองจะแปลกใจ หลังจากนี้หนึ่งปี เราจะเห็นคุณขึ้นเวทีในตำแหน่งผู้นำ แล้วก็เป็นจริง พวกเขาได้อยู่บนเวทีจริงๆ
การได้เห็นชีวิตผู้คนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้โจนัสและโรเบิร์ตภาคภูมิใจเป็นที่สุด
“สิ่งที่ทำให้เราดีใจมากก็คือการได้ช่วยผู้คนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นความรู้สึกที่งดงาม” โรเบิร์ตกล่าว “โอกาสทางธุรกิจนี้ทำให้คนมากมายได้ทำตามฝัน ได้ส่งลูกๆ ไปโรงเรียน ได้เป็นเจ้าของธุรกิจและได้เป็นคนที่เติบโตและสมบูรณ์ขึ้น”
โจนัสและโรเบิร์ตเชื่อว่าการขายความฝันและโอกาสนั้นเป็นแรงบันดาลใจอันน่าเหลือเชื่อ เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย และยังเชื่อว่าสิ่งที่ดีไม่ควรจำกัดอยู่เฉพาะอภิสิทธิ์ชนเท่านั้น แต่ทุกคนควรมีสิทธิ์เข้าถึงได้ แบบที่ออริเฟลมได้ให้โอกาสทุกคนทำความฝันให้เป็นจริงและเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ เพื่อให้คุณดูดีขึ้น รู้สึกดีขึ้น และมีชีวิตที่ดีขึ้น
โรเบิร์ตโจนัส ผู้เป็นพี่ว่า “เคยคิดไหมว่าเราจะช่วยให้ผู้คนมากมายเปลี่ยนแปลงชีวิตได้”
และการเปลี่ยนแปลงนั้นมิใช่เพียงเรื่องฐานะการเงิน แต่คือหน้าที่การงานที่เติบโตขึ้น ทั้งคู่สังเกตุว่า ยิ่งที่ปรึกษาออริเฟลมทำตำแหน่งได้สูงขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งมีความรู้สึกร่วมถึงการเป็นครอบครัวเดียวกัน ที่ช่วยเหลือสนับสนุนกันมากขึ้นเท่านั้น
“ออริเฟลมเป็นธุรกิจครอบครัว ที่มีค่านิยมแบบครอบครัว”
ค่านิยมแบบครอบครัวเป็นแกนหลักของธุรกิจ และการที่ผู้ก่อตั้งออริเฟลมเป็นพี่น้องแท้ๆ กันนั้น ก็มีผลกับแนวคิดนี้อย่างมหาศาล แม้คู่แข่งจะพยายามเลียนแบบที่จะเป็นบริษัทครอบครัวแต่ก็ไม่อาจทำได้เช่นบริษัทครอบครัวที่แท้จริงอย่างเรา ทั้งโรเบิร์ตและโจนัสเห็นผลดีที่ธุรกิจครอบครัวดึงดูดผู้คนที่สนใจให้มาร่วมงานด้วย จนบางครั้งทั้งครอบครัวก็ชวนกันมาเป็นที่ปรึกษาออริเฟลม
แต่ไม่ว่าบริษัทจะเติบโตไปมากเพียงใด ความสำเร็จยังคงเกิดจากรายละเอียดเล็กๆ ช่วงเวลาสั้นๆ ที่พี่น้องได้แสดงความดีใจและเอื้ออารีต่อกัน ความสามารถของทั้งคู่ในการสื่อสารกับคนอื่นๆ อย่างถ่อมตน และความเข้าใจ และเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอ บุคลิกที่เรียบง่ายธรรมดาแต่มีพลังเช่นนี้เอง ที่ขับเคลื่อนออริเฟลมตลอด 50 ปี และจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป
