ในปัจจุบัน หนึ่งในคำสั่งค้นหามากที่สุดในโลกออนไลน์คือ: ทำไมๆ หลังการออกกำลังกาย น้ำหนักของฉันถึงไม่ลดลงไปสักนิดเลยหล่ะ? บางทีคุณอาจจะเคยสงสัยเหมือนกัน? บทความนี้จะให้คำตอบแก่คุณ และผู้ที่จะมาไขข้องใจให้กับเราก็คือ ดร. Elisabet Nordstöm ผู้เชี่ยงชาญด้านสุขภาพของออริเฟลม
การรับประทานอาหาร และ การออกกำลังกาย
“อย่าตระหนกตกใจไปค่ะ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากคุณจะรับประทานอาหาร เพื่อชดเชยแคลอรี่ที่สูญเสียไป จากการเผาผลาญในระหว่างการออกกำลังกาย ไม่ใช่เรื่องผิดเลยค่ะ ที่คุณจะรู้สึกหิว ถึงหิวมาก หลังจากการออกกำลังกาย” จากบทสัมภาษณ์ ดร. Elisabet Nordstöm
ซึ่ง ดร. Elisabet Nordstöm ได้ทำการศึกษาเรื่องนี้ ไว้อย่างน่าสนใจ และหลากหลายกรณีศึกษา ในชีวิตประจำวัน ทุกๆ กิจกรรมของเราล้วนส่งผลต่อการเผาผลาญแคลอรี่ภายในร่างกาย แต่บางทีเราก็อาจหลงลืมสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เรากินเข้าไปได้เช่นกัน ซึ่งมันมีผลต่อการขึ้น-ลง ของน้ำหนักในตัวเรา ตัวอย่างเช่น รับประทานถั่วหนึ่งกำมือ, เครื่องดื่ม หรือ น้ำอัดลมต่างๆ, ผลไม้ที่คุณชื่นชอบ อาหารเหล่านี้แหละคะ ที่อาจเป็นตัวการทำให้น้ำหนักของคุณนั้นขึ้นมาได้
ดร. Elisabet Nordstöm ทิ้งท้ายไว้ว่า “ดิฉันมีหลักการคิดง่ายๆ คะ นั่นคือ จงรับระทานให้เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย หยุดเมื่อรู้สึกอิ่ม และเผาผลาญแคลอรี่ให้มากกว่าที่รับประทานเข้าไปค่ะ”
การควบคุมอาหาร คือ หัวใจหลัก
“หากคุณนั้นมีความมุ่งมั่นในการออกำลังกายเป็นอย่างมาก แต่กลับรับประทานอาหารที่ให้โทษ หรือมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้คุณออกกำลังกายมากเพียงใด น้ำหนักของคุณก็จะไม่มีวันลดอย่างแน่นอน”ดร. Elisabet Nordstöm แนะนำว่า เราควรรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งจะส่งผลให้อิ่มนาน ไม่ทำให้เรารู้สึกอยากทานอาหารจุกจิก ขนม น้ำอัดลม ฯลฯ ซึ่งจะทำให้เราได้รับแคลอรี่ที่มากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการพลังงานมาใช้ในกิจวัตรประจำวันเธอกล่าวเพิ่มเติมว่า “ฉันไม่อยากให้ทุกคนต่างเข้าใจผิด และคิดว่ากลุ่มอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรตนั้นเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย” “ร่างกายของคุณจำเป็นต้องได้รับอาหารที่อยู่ในกลุ่ม คาร์โบไฮเดรตนี่ด้วยเช่นกัน แต่ต้องเป็นอัตราส่วนที่หมาะสมกับร่างกายของแต่ละบุคคล ที่สำคัญพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานทุกชนิด เพราะมันคือบ่อเกิดของน้ำตาล ที่จะเข้าไปสะสมภายในร่างกาย และกำจัดออกได้ยากมากๆ ค่ะ”
กล้ามเนื้อ หรือ ไขมัน
เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “กล้ามเนื้อหนึ่งปอนด์ หนักกว่า ไขมันหนึ่งปอนด์ไหม?” ผิดค่ะ! หนึ่งปอนด์ ก็คือ หนึ่งปอนด์ไม่ว่าจะเป็นขนนก แก้ว หรือเยลลี่อะไรก็ตามที! แต่เนื่องจากไขมันหนึ่งปอนด์จะกินพื้นที่มากกว่าเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อถึงสี่เท่า จึงเป็นไปได้ที่คุณจะรู้สึกผอมเพรียวลงแม้ว่าน้ำหนักตัวยังคงเท่าเดิม แน่นอนว่าน้ำหนักตัวเท่าเดิม แต่ดูอ้วนขึ้นก็เป็นไปได้เช่นกัน ทั้งนี้เมื่อคนเราแก่ตัวลงกล้ามเนื้อก็จะหดตัว เนื่องจากเซลล์กล้ามเนื้อที่เสียหายจะได้รับซ่อมแซมช้ากว่าสมัยที่ยังหนุ่มยังสาว
ที่สำคัญเมื่อมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง อัตราส่วนของกล้ามเนื้อกับไขมันก็จะลดลงตามไปด้วยแม้ว่าน้ำหนักตัวของเราจะไม่กระดิกหลังจากที่ออกกำลังกายไปสักพักแล้ว แต่เชื่อสิว่า อัตราส่วนของกล้ามเนื้อกับไขมันนั้นอาจกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ก็ได้ ดังนั้นหลังจากที่ออกกำลังกายบนลู่วิ่งไฟฟ้า หรือยกน้ำหนัก อย่าท้อถอยเพียงเพราะว่า ตัวเลขบนตาชั่งไม่ขยับไปยังทิศทางที่คุณต้องการ เอาละได้เวลาลงจากตาชั่ง และสนใจผลลัพธ์ที่ปรากฏอยู่หน้ากระจกแทนจะดีกว่านะคะ
มวลน้ำในร่างกาย?
น้ำ ที่อยู่ในร่างกายของคุณนั้น จะถูกเก็บไว้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น นี่คือหนึ่งในเหตุผลว่า ทำไมเมื่อคุณชั่งน้ำหนัก จึงมีการผันผวนของตัวเลขอยู่เสมอ “น้ำหนักส่วนเกินนั้น สามารถกำจัดได้ง่ายๆ ด้วยหนึ่งวิธีที่เราจะบอก นั่นคือ การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของแต่ละบุคคล เพราะไม่ว่าคุณจะดื่มน้ำไปมากแค่ไหน มันก็จะถูกขับออกมา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น การสูญเสียเหงื่อ ปัสสาวะ เป็นต้น” (แต่สิ่งที่กล่าวมานี้ ไม่ได้หมายรวมถึง น้ำ หรือ เกลือ ที่อยู่ในกากใยอาหารที่เรารับประทานเข้าไป)
การออกกำลังกายที่เหมาะสม ต้องทำอย่างไร?
การออกกำลังกาย มีมากมายหลากหลายวิธีการ เช่น การวิ่ง, การขี่จักรยาน, การว่ายน้ำ เป็นต้น การเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายนั้น ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่คุณทำ เพราะทุกกิจกรรมมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ความหนัก-เบา ในการใช้แรงก็ย่อมแตกต่างกัน ในทุกอย่างที่ทำจะส่งผลไปยังอัตราการเต้นของหัวใจ ที่จะเป็นตัวบอกเรอีกทางหนึ่งว่า คุณมีความพร้อม และมีความแข็งแรง ในการออกกำลังมากน้อยเพียงใด เลือกรับประทานที่ให้พลังงาน และให้คุณประโยชน์กับร่างกาย ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอยางถูกวิธี รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของคุณ ล้วนส่งผลต่อน้ำหนักตัวทั้งสิ้น เช่น “หลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์โดยการเดินขึ้นบันไดแทน หากต้องไปสถานที่ใดก็ตาม หากไม่ไกลไปกว่าที่คุณจะเดินได้ ก็จงเดินไปจะดีกว่าการใช้รถ ตั้งเป้าหมายให้ได้สัก 10,000 ก้าว ต่อ วัน ก็จะเยี่ยมยอดที่สุดเลยค่ะ”
ดร. Elisabet Nordstöm กล่าว ลองตรวจสอบพฤจิกรรมของคุณเองกันนะคะ ว่าเราดูแลสุขภาพของเราอย่างดีแล้วหรือยัง?
เรียนรู้เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
สำหรับคนส่วนใหญ่มักคิดว่า การรับประทานอาหารสุขภาพนั้นก็เพียงพอ และสำคัญกว่าการออกกำลังกาย คุณหรือรู้ไม่? น้ำหนักของคุณอาจจะลดลงไป แต่แน่ใจหรือว่า สุขภาพร่างกายของคุณจะดีตามไปด้วย (และนี่คือข้อเท็จจริงที่คุณต้องคิด วิเคราะห์ให้ดี) มันเลือกไม่ได้หรอก คุณจะต้องลงมือทำทั้งสองอย่าง ร่างกายของเราทุกคน ต้องการเวลาในการสร้างกล้ามเนื้อ
ดังนั้น อย่ามัวแต่สนใจตัวเลขบนตาชั่งเท่านั้น แต่จงให้ความสำคัญกับการสร้างกล้ามเนื้อด้วย แม้มันจะต้องใช้เวลามากก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่คุณจะได้ มันชั่งคุ้มค่าแก่เวลาที่เสียไปนะคะ ฉะนั้นเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็น กิน เดิน นั่ง ออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ดีที่จะอยู่กับคุณไปนานๆ ค่ะ