ไม่ว่าสภาพผิวคุณจะเป็นแบบไหน ความแห้งกรานย่อมมาเยือนได้เสมอ แต่สภาพผิวที่แตกต้องย่อมต้องการวิธีรับมือกับปัญหาผิวแห้งในแบบเฉพาะ พบคำแนะนำดีๆ จากคุณ เมลินา กาเลอาดี ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณของเรา
ผิวแพ้ง่าย
ผิวประเภทนี้จะได้รับผลกระทบง่ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมภายนอกหรือการที่ผิวสัมผัสกับส่วนผสมบางตัวโดยเฉพาะ ทำให้ผิวแดงก่ำเป็นจุดๆ ทั่วใบหน้า ผิวแพ้ง่ายมักประสบปัญหาความไม่เรียบเนียน การแห้งแตกและหลุดลอก รวมถึงความรู้สึกตึงทั่วใบหน้า
ระดับความชุ่มชื้นของผิวแพ้ง่าย
ผิวหนังชั้นนอกสุดทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวชั้นในจากปัจจัยภายนอกเพื่อช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นไว้ได้อย่างเพียงพอ เกราะป้องกันตามธรรมชาตินี้จะมีลักษณะบางและไม่สม่ำเสมอในคนที่มีผิวแพ้ง่าย จึงทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้มากกว่าผิวประเภทอื่น นอกจากนี้ ผิวยังอ่อนไหวต่อปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มากเป็นพิเศษ และจะยิ่งแย่ลงเมื่ออายุมากขึ้น
ผิวมัน
ผิวมันเกิดจากการผลิตซีบัมที่มากเกินไปและความมันส่วนเกิน ทำให้เกิดความมันวาวบนใบหน้า ปัญหาอื่นๆ ที่พบได้คือรูขุมขนขนาดใหญ่ สิวหัวดำ และสิวตามหน้าผาก จมูกและคาง หรือที่เรียกว่าทีโซน
ระดับความชุ่มชื้นของผิวมัน
ความมันคือสัญญาณของผิวที่ขาดความสมดุล และคือผลของน้ำมันและซีบัมที่ผลิตออกมาในผิวมากเกินจำเป็น คุณสามารถออกจากวงจรแย่ๆ นี้ได้โดยการเลือกใช้สกินแคร์ที่มอบสมดุลให้ผิวด้วยการเติมความชุ่มชื้น
ผิวแห้ง
ผิวแห้งมักจะเป็นผิวที่ดูหม่นหมองไม่สดใสและไวต่อการเกิดรอยแดง ผิวแห้งจะมีรูขุมขนที่เล็กรวมถึงริ้วรอยที่ปรากฏชัด ปัญหาของผิวแห้งคืออาการตึงและแสบในบางจุดทำให้รู้สึกไม่สบายผิวเป็นที่สุด
ระดับความชุ่มชื้นของผิวแห้ง
ความแห้งกร้านของผิวนั้นขึ้นอยู่กับผิวชั้นนอกที่เรียกว่าเอปิเดอร์มิสเสียส่วนใหญ่ ซึ่งทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้น แต่เรื่องของอายุและสภาพอากาศก็เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน ซีบัมจะถูกผลิตออกมาน้อยลงเมื่อเราอายุมากขึ้น ทำให้ผิวสูญเสียน้ำมากขึ้น ส่วนอากาศเย็นในหน้าหนาวก็จะทำให้ผิวเราแห้งลงเพราะความชื้นในอากาศหายไป
ผิวผสม
ผิวผสมค่อนข้างที่จะระบุได้ยากและยังรับมือได้ยากเช่นกัน เพราะผิวผสมคือผิวที่มีลักษณะสองอย่างรวมกัน หลักๆ แล้วก็คือความมันส่วนเกินที่คาง หน้าผาก และจมูก หรือที่เรียกว่าทีโซน ส่วนผิวตรงแก้มและส่วนอื่นๆ มักจะมีลักษณะแห้งหรือปกติ
ระดับความชุ่มชื้นของผิวผสม
บางครั้งผิวผสมก็เจอกับความแห้งกร้านเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี พออากาศร้อนซีบัมก็ถูกผลิตออกมามากและก็น้อยเกินไปอีกตอนที่อากาศเย็นลง นอกจากนี้ ปัจจัยอย่างระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงก็สร้างผลกระทบได้มากไม่แพ้กัน คุณจึงควรรักษาสมดุลและห้ามมองข้ามการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวมันบริเวณทีโซนเด็ดขาด